เมื่อวันเสาร์ที่ 1 กันยายน 2561 ที่ผ่านมา RacingWeb.NET ได้มีโอกาสได้เข้าร่วมงาน MICHELIN Passion Experience 2018 ที่สนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต จ.บุรีรัมย์
โดยเป็นการเชิญผู้เข้าร่วมงานจากหลากหลายสาขาอาชีพจากหลายประเทศไม่ได้เน้นหรือเจาะจงเฉพาะที่อยู่ในสายรถยนต์เพียงอย่างเดียว เช่น นักแสดง Bloger หรือ Youtuber ไม่จำกัด Lifestyle หรืออย่างที่อยู่ในกลุ่มเดียวกับเราเช่น คุณแอริน ที่เป็นนักแสดง หรือคุณจ๊ะจ๋า ที่เป็น Bloger ท่องเที่ยวทั่วโลกในแนว Extreme
ก่อนไปร่วมงานผมพยายามหานิยามหรือจุดประสงค์ของงานที่จัดขึ้นว่าให้เราไปทำอะไรบ้างและเราต้องเขียนเล่าสิ่งที่ได้รับจากงานนี้อย่างไร เนื่องจากเป็นการปิดสนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิตเพื่อจัดงานนี้โดยเฉพาะ แต่เมื่อดูจากรายชื่อผู้ร่วมงานแล้วไม่น่าจะใช้การทดสอบยางที่เน้น Skill การขับรถหรือการจับอาการของรถอย่างแน่นอน ซึ่งเมื่อดูจากชื่องานน่าจะเน้นการเปิดประสบการณ์ใหม่ๆให้ทุกๆคนที่ทุกๆคนที่มาร่วมงานได้ซึมซับความชอบ ความสุข ความสนุก ที่ได้จากการขับรถที่ใช้ยาง MICHELIN เป็นแน่แท้
Experience แรกพบ … การเลี้ยงรับรองโดย MICHELIN STAR CHEF
จากกำหนดเวลาในการเดินทางเพื่อให้ทันการร่วมงาน Michelin Passion Experience เราได้รับเชิญให้บินไปตั้งแต่วันศุกร์ที่ 31 สิงหาคม 2561 เมื่อบินไปถึงบุรีรัมย์ทาง MICHELIN ได้จัดรถมารับจากสนามบินแล้วตรงไป Amari Buriram United เพื่อร่วมงานเลี้ยงรับรองโดยการยกครัวของ MICHELIN STAR มาไว้ที่นี้
งานที่จัดค่อนข้างเป็นกันเอง เราได้เริ่มทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ในกลุ่มเดียวกับเรา ร่วมถึงได้เริ่มเจอแขกผู้ร่วมงานที่มาจากประเทศต่างๆ ได้ถ่ายรูปเล่นในซุ้มที่จัดไว้ และได้ร่วมรับประทานอาหารที่เรียกได้ว่าเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ๆของเรากับอาหารที่มีทั้งความอร่อย ความสวยงาม และมีความพิถีพิถันในการทำ
บอกตามตรงนะ บางเมนูผม “เข้าไม่ถึง” 555 คือ บางอันก็มาแปลกจนนั่งงงกันทั้งโต๊ะอยู่นานว่าจะทานยังไงหรือต้องตักตรงไหนก่อน แต่เชื่อเถอะครับ อร่อยและประทับใจทุกเมนูจริงๆ
เริ่มต้นเช้าวันงาน MICHELIN Passion Experience 2018
เมื่อเรามาถึงสนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต เราพบกับการต้อนรับอย่างอบอุ่นโดยทีมงานของ MICHELIN ซึ่งทีมงานแทบจะทั้งหมดจะมาจากต่างประเทศ
แม้กระทั่งตัว บีเบนดัม ก็ Import เข้ามาจากต่างประเทศ
หลังจากมีการกล่าวเปิดงานและอธิบายส่วนต่างๆของงานที่จัดขึ้นในวันนี้แล้วจึงให้ผู้ร่วมงานแยกย้ายไปเปลี่ยนชุด เนื่องจากวันนี้ทั้งวันเราจะต้องเป็นผู้ขับทดสอบในทุกๆ Station ที่ทาง MICHELIN ได้จัดไว้รอบๆสนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต
Station 1.1 ทดสอบการขับในรูปแบบ Gymkhana โดยใช้รถ Porsche 718 Cayman ใช้ยาง MICHELIN Pilot Sport 4S
เป็นที่รู้กันว่าการขับแบบ Gymkhana นั้นเป็นการขับที่ต้องอาศัยทักษะในการเข้าโค้งในมุมแคบๆตลอดเวลาในการขับ การจะไปได้เร็วต้องอาศัยความแม่นยำในการเบรคและการเกาะถนนของตัวรถและยางในระดับสูงสุด สิ่งที่ท้าทายคือการใช้รถ Cayman ที่มีความแรงมากกว่าสนาม หมายความว่า การขับแบบนี้ใช่ว่าใช้รถที่แรงแล้วจะดีเพราะจะเกิดอาการ “ล้น” มากเกินความจำเป็น
Station นี้ให้ขับแบบ Battle คือขับเป็นคู่ๆ แพ้คัดออก ผมผ่านเข้ารอบแรกไปเจอกับพี่เก่งคนกันเองที่คุ้นเคย แต่ก็สามารถทำเวลาได้ดีกว่าพี่เก่งเพื่อเข้าสู่รอบชิง โดยเข้าไปชิงกับนักแข่งรถชาวอินโดฯ
ความน่าหลงไหลของการขับแบบ Gymkhana อีกอย่างคือแทบไม่ได้ซ้อม ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่นักแข่งเจออยู่แล้ว แต่เมื่อเราเข้ารอบไปเรื่อยๆนั่นหมายความว่าเราจะได้ขับในสนามนั้นซ้ำๆเพิ่มขึ้น เราจะเริ่มจำทางได้ จำไลน์ในสนามได้ เราจะเริ่มสามารถใช้ความเร็วที่เพิ่มขึ้นเพื่อทำเวลาให้ดีขึ้นได้ และแน่นอนว่าการเข้าชิงกับนักแข่งรถชาวอินโดฯเค้าก็ผ่านการขับมาหลายรอบแล้วเช่นกัน
ในรอบชิงนี้ผมคุ้นเคยกับไลน์สนาม ความแรงของรถ ระยะเบรค ลิมิตของยางที่ใช้ เมื่อทุกอย่างลงตัวผมจึงขับเจ้า Cayman เข้าเป็นที่ 1 ของกลุ่มนั้นมาได้ โดยความรู้สึก ณ เวลานั้นคือ ยางที่ใช้สามารถเอารถอยู่ได้อย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งๆที่รถที่ใช้มีความแรงที่เกินสนามไปมากพอสมควร นั่นคือประสบการณ์ที่ได้รับจาก Station นี้
คลิปตอนขับ Gymkhana
Staion 1.2 ทดสอบการเบรค,การเกาะถนน,การขับผ่านถนนเปียก เทียบกับยางคู่แข่งที่อยู่ในระดับเดียวกัน โดยใช้รถ Audi TTs
การเบรค : วัดจากกล่อง V-Box จากการเบรคที่ความเร็ว 80 Km/h จนถึงหยุดนิ่ง พบว่าในยางคู่แข่งได้ระยะเบรคที่ 22.9 เมตร ส่วนยาง MICHILIN ได้ระยะเบรคที่สั้นกว่าคือ 22.3 เมตร
การเกาะถนน : วัดจากความรู้สึกในการขับแบบ Slalom อันนี้งานถนัด โดยยางคู่แข่งตัวรถมีอาการ Under ให้เห็นพอสมควร แต่พอสลับมาขับรถคันที่ใช้ยาง MICHELIN ก็พบว่าสามารถควบคุมรถไปในทิศทางที่กำหนดได้ง่ายกว่ามาก
การใช้งานบนพื้นเปียก : ตรงนี้ประทับใจสุด เพราะความเร็วที่ให้ใช้ในการทดสอบค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับองศาของโค้งเปียกๆที่ให้เราขับผ่าน เมื่อใช้งานยางคู่แข่งตัวรถมีอาการสไลด์ออกจากโค้งอย่างเห็นได้ชัดซึ่งผมไม่แปลกใจกับโค้งระดับนี้ในทางเปียก แต่เมื่อเรามาขับรถที่ใช้ยาง MICHELIN ก็พบว่าตัวรถไม่มีอาการใดๆเลยในตอนผ่านโค้ง บอกได้เลยว่าเป็นประสบการณ์ที่ประทับใจมากๆ
คลิปทดสอบการเข้าโค้งบนทางเปียก
Station 2 ทดสอบการขับรถ Formula 4 ที่ใช้ยาง MICHELIN
ผมไม่รู้ว่าจะเรียกการทดสอบยางหรืออะไรดี เพราะเราต่างโฟกัสกับการได้ขับรถแข่ง Formula 4 ที่คนทั่วไปแทบจะไม่ได้มีโอกาสได้ขับ โดยใน Station นี้จะให้เราขับ Formula 4 ตามรถ Porsche 718 Cayman ในสนาม โดยให้ทิ้งระยะห่างคันหน้าประมาณ 3 คันรถ
ผู้ขับรถนำจะคอยสังเกตเราที่ขับตามและประเมินความสามารถของเราเพื่อใช้ความเร็วที่เหมาะสม และแน่นอนว่าในงานนี้หลายๆคนมีทักษะในการขับรถแข่งมาพอสมควร ดังนั้นรอบที่ผมได้ขับเจ้าหน้าที่ที่ขับ Cayman นำจึงใช้ความเร็วที่ค่อนข้างเต็มที่ จนไล่แซงคันอื่นในสนาม
จริงอยู่ว่า Cayman มีแรงม้าที่มากกว่า แต่รถ Formula 4 ได้เปรียบกว่าทั้งเรื่องของน้ำหนัก ช่วงล่าง และยางที่ใช้ ดังนั้นสิ่งที่ผมเห็นอยู่ข้างหน้าคือ Cayman ขับนำจนถึง Limit ของตัวรถจนมีอาการสไลด์เข้าโค้งแต่ Formula 4 ไม่มีอาการใดๆในโค้งเลย เราจึงสามารถเข้าใกล้ Cayman ได้ทุกครั้งที่ถึงโค้ง
และเมื่อขับเสร็จแล้วมีเวลาเหลือ เจ้าหน้าที่ก็เชิญให้เราขึ้นไปนั่งบน Cayman คันที่กำลังจะขับนำคนอื่น ซึ่งก็เป็นอย่างที่ผมคิดคือขับ Cayman เต็มที่แล้วแต่หนี Formula 4 ไม่ออก ซึ่งก็ดีแล้วครับที่นำเราในความเร็วเท่านี้ เนื่องจากหากนำได้เร็วกว่านี้เราอาจจะเริ่มควบคุม Formula 4 ไม่ได้ก็ได้
จาก Station นี้เราได้ประสบการณ์ในการขับรถ Formula 4 ที่น่าตื่นเต้นมากๆ การเข้าโค้งในสนามด้วยความเร็วเกือบๆ 200 Km/h บนรถที่มีประสิทธิภาพสูง บวกกับยางที่มีประสิทธิภาพสูง ทำให้เรามั่นใจในการใช้ความเร็วในสนามได้เป็นอย่างมาก
Station 3 ทดสอบการขับแบบ Off-Road
ไม้กระดก : เป็นการให้ขับรถขึ้นไปบนไม้กระดกเพื่อหาจุดสมดุลย์ให้ไม้ลอยอยู่ตรงกลางพอดี เป็นการฝึกสมาธิในการใช้คันเร่งและเบรค
เก็บแต้มลูกบอล : เป็นการขับรถไปตามทางโดยมีถังน้ำใส่น้ำวางอยู่หน้ารถ แล้วระหว่างเส้นทางจะมีลูกบอลห้อยอยู่โดยให้เราขับรถเอากระจกข้างไปแตะลูกบอลเพื่อทำแต้ม โดยจะต้องวางแผนการขับให้ดีเนื่องจากลูกบอลแต่ละลูกมีแต้มที่แตกต่างกัน มีกรอบเวลากำหนด
และในตอนท้ายต้องขับผ่านหลุมสลับซ้ายขวาก่อนเข้าเส้น ซึ่งเราจะต้องประคองรถให้ดีที่สุดเพื่อไม่ให้น้ำในถังหก
เพราะเมื่อเข้าเส้นแล้วจะมีการนับแต้มทั้งจากลูกบอลและจากระดับน้ำในถังที่เหลืออยู่ด้วย
ทาง Off-Road : เป็นการให้ขับรถไปในสนาม Off-Road จำลอง ทั้งทางลาดชันและทางโค้งในมุมเอียง เป็นการทดสอบที่ผมเองก็ไม่เคยได้ขับในลักษณะนี้มาก่อน ซึ่งใน Station นี้เราได้รับประสบการณ์การขับรถ Off-Road ในแบบที่ไม่เคยได้รู้มาก่อน
Staion 4 Hot Laps นั่งรถแข่ง Seat Leon TCR
บอกได้คำเดียวว่าสุด กับการได้ไปนั่งในรถแข่งระดับโลกที่ขับโดยใช้ความเร็วเต็มที่ เข้าโค้งเต็มที่และเบรคเต็มที่จนหัวทิ่ม ไม่ถามสุขภาพกันสักคำ
ถ้าไม่ใส่ Hans คอคงเคล็ดไปแล้ว ขนาดว่าเราผ่านการขับรถแข่งมาพอสมควรยังไม่นึกว่ารถแข่งที่มีประสิทธิภาพสูงแบบนี้จะสามารถขับได้ขนาดนั้น
ถือเป็นประสบการณ์ที่สุดยอดจริงๆ
เมื่อเสร็จสิ้นกิจกรรมทั้งหมดก็มารวมกันที่พิธีปิดงาน มีการประกาศผลทีมที่สามารถทำผลงานได้ดีโดยวัดจาก Station ต่างๆ ทีมของผมได้อันดับที่ 2 โดยวัดจากทุกทีมที่ไปร่วมงานกันในวันนั้น เจ๋งไหมล่ะ
สรุปโดยรวมงานของวันนั้น อย่างที่เข้าใจตั้งแต่แรก งานครั้งนี้แทบไม่ได้เน้นเลยว่าเราจะมารับรู้เทคโนโลยี หรือทดสอบยางรุ่นใหม่แต่อย่างใด เรียกได้ว่าจัดเอามันส์เพื่อเปิดประสบการณ์ใหม่ๆของผู้มาร่วมงานล้วนๆ ซึ่งบอกได้เลยว่าเราได้รับประสบการณ์ใหม่ๆที่ดีมากๆจากงานนี้
ทั้งหมดนี้เกิดจากความเห็นของเราที่อยู่ในแวดวงรถแต่งและรถแข่งมา ซึ่งเป็นความรักและความชอบในเรื่องของรถและการแข่งรถอยู่แล้ว
แต่สิ่งที่เราเห็นไปมากกว่านั้นจากที่เราตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับรายชื่อผู้ที่ได้รับเชิญให้มาร่วมงานที่ไม่ได้เฉพาะเจาะจงว่าจะต้องอยู่ในแวดวงที่เกี่ยวกับรถ ซึ่งถือเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ล้วนๆ ยกตัวอย่างน้อง จ๊ะจ๋า ผู้ที่ชื่นชอบการเที่ยวทั่วโลกแบบ Extreme ที่ปัจจุบันกำลังหลงรักการกระโดดร่มโดยไม่เคยสนใจการขับรถแข่งมาก่อน
ถึงกับเอ่ยปากออกมาว่า “มันส์มากกกกกกก” …. ก็แน่ล่ะครับ ต่อให้ไม่เคยคลุกคลีกับรถแข่งแล้วมาได้รับประสบการณ์ในแบบที่ MICHELIN เค้าจัดให้แบบนี้ไม่ว่าใครก็คงติดใจกันทั้งนั้น
ซึ่งนี่อาจจะเป็นอีกหนึ่งจุดประสงค์ของการจัดงาน MICHELIN Passion Experience
ไม่แน่ว่าหลังจากงานเปิดประสบการณ์ในด้านนี้ของน้องจ๋า เราอาจจะได้พบน้องเค้าเข้ามาสู่วงการแข่งรถของเมืองไทยเร็วๆนี้ก็เป็นได้
ขอขอบคุณ มิชลินประเทศไทย ที่ให้โอกาส RacingWeb.NET เข้าร่วมงาน MICHELIN Passion Experience 2018 จนได้พบประสบการณ์ที่สุดยอดแบบนี้ หวังว่าเราจะมีโอกาสได้ร่วมงานของ MICHELIN อีกในโอกาสต่อไป
#MichelinAndMe
#PassionUnlocked