ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เอเชียเป็นทวีปที่มีเศรษฐกิจเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้การพัฒนาเส้นทางการคมนาคมขนส่งมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน คนใช้รถจำนวนมากจึงเริ่มหลีกเลี่ยงถนนหลักในเมืองและหันมาใช้ทางด่วนมากขึ้นเพื่อความรวดเร็วในการเดินทาง ส่วนมากที่ขับบนทางด่วนมักจะเป็นรถรุ่นใหม่และขับเร็วกว่ารถบนทางธรรมดา อย่างไรก็ตาม ทักษะการขับขี่และความรู้การขับรถอย่างปลอดภัยอาจไม่สามารถพัฒนาได้เท่าทันกับการเปลี่ยนแปลงด้านระบบคมนาคมขนส่ง หลายคนอาจยังไม่คุ้นเคยกับการขับรถที่ถูกออกแบบมาเพื่อการขับขี่ที่ต้องใช้ความเร็วสูง ฟอร์ด แนะนำ 5 วิธีที่จะช่วยให้ผู้ขับขี่ขับรถบนทางด่วนได้อย่างปลอดภัยและมั่นใจ
สังเกตความเร็วที่กำหนด
โดยปกติ ตัวเลขจำกัดความเร็วบนทางด่วน มักสูงกว่าความเร็วที่ใช้กับถนนหลักในเมืองหรือเส้นชนบท ในประเทศไทย การจำกัดความเร็วบนทางด่วนในเขตเมืองจะต้องไม่เกิน 80 กม./ชม. และไม่เกิน 110 กม./ชม.สำหรับทางด่วนนอกเขตเมือง นอกจากการจำกัดความเร็วบนทางด่วนจะเป็นตัวเลขที่บอกถึงความเร็วที่คุณสามารถขับได้อย่างถูกต้องตามกฏหมายแล้ว ยังทำให้การจราจรมีความคล่องตัวและช่วยเรื่องความปลอดภัยอีกด้วย
เว้นระยะห่างให้เหมาะสม
ขณะขับรถ ควรเว้นระยะห่างจากคันข้างหน้าให้อยู่ในระยะที่ปลอดภัยเสมอ ลองใช้กฏ 2 วินาที ซึ่งก็คือ เมื่อรถคันข้างหน้าวิ่งผ่านวัตถุ เช่น ต้นไม้ ที่อยู่ข้างหน้า หากคุณใช้เวลา 2 วินาทีในการผ่านวัตถุเดียวกันนั้นไป นั่นหมายความว่า คุณขับขี่ในระยะห่างที่ปลอดภัย รถยนต์รุ่นใหม่ อย่าง ฟอร์ด เอเวอเรสต์* และฟอ์ด เรนเจอร์* ที่มีระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน ซึ่งผสานระบบเบรกแบบ Autonomous Emergency Braking (AEB) เข้ากับระบบตรวจจับคนเดินถนน (Pedestrian Detection) และระบบตรวจจับยานพาหนะ (Vehicle Detection) บริเวณรอบตัวรถ เพื่อหยุดรถ และช่วยลดอัตราการชนท้ายและการชนคนเดินถนนลง รวมถึงระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control) ก็เป็นตัวช่วยในการรักษาระยะห่างจากรถคันข้างหน้าได้อย่างคงที่ขณะขับรถบนทางด่วน
ระมัดระวังตลอดเวลา
ขณะขับรถบนทางด่วน เป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมองทางข้างหน้าให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้คุณรับรู้อยู่ตลอดว่าทางข้างหน้ามีอะไรบ้าง หากทัศนวิสัยของคุณถูกจำกัด เช่น ขับรถท่ามกลางสภาพอากาศที่เลวร้าย หรือต้องขับรถตามหลังรถขนาดใหญ่อย่างรถบรรทุกหรือรถประจำทาง คุณควรเว้นระยะห่างจากคันข้างหน้าให้มากกว่าเดิม อาจเพิ่มระยะห่างจากกฏ 2 วินาที เป็น 3-4 วินาทีเลยก็ได้ อย่างน้อยที่สุด คุณต้องมองเห็นสิ่งที่อยู่เลยรถคันข้างหน้า
ขับขี่ด้วยความระมัดระวัง
การขับรถแซงมักเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ขณะขับขี่บนทางด่วน แต่ต้องแน่ใจทุกครั้งว่าคุณไม่ได้แซงในบริเวณที่ห้ามแซงและปฏิบัติตามกฏจราจรอย่างเคร่งครัดเพื่อความปลอดภัย ขณะเร่งความเร็วเพื่อขึ้นแซงคันข้างหน้า ควรท่อง 3 คำนี้ไว้ให้ขึ้นใจ “มองกระจก ให้ไฟสัญญาณ เปลี่ยนเลน” ซึ่งหมายความว่า ให้มองกระจกเพื่อดูรถคันข้างหลังและคันข้างๆ จากนั้นเปิดไฟเลี้ยวเพื่อให้สัญญาณ แล้วค่อยขับแซงขึ้นมาอย่างปลอดภัย นอกจากนี้ คุณควรเหลียวมองด้านหลังเพื่อตรวจสอบรถในจุดบอด (พื้นที่ที่มองไม่เห็นด้วยกระจก) ให้แน่ใจทุกครั้ง เพื่อป้องกันการเฉี่ยวชน
หยุดรถอย่างปลอดภัย
การจราจรบนทางด่วนมักมีความคล่องตัวและรถส่วนใหญ่มักจะใช้ความเร็วสูงกว่าปกติ การหยุดรถกลางทางจึงเป็นเรื่องอันตรายที่ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง หากคุณต้องการจอดรถ ให้มองหาทางออกที่ใกล้ที่สุดและหาที่จอดรถที่ปลอดภัย ในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉิน เช่น รถยนต์มีปัญหา ลองขับเบี่ยงออกไปจอดข้างทางตรงที่รถผ่านไปมาน้อยๆ เปิดไฟฉุกเฉิน และวางป้ายสามเหลี่ยมฉุกเฉินให้ห่างจากรถของคุณประมาณ 50 เมตร เพื่อเตือนให้รถคันข้างหลังเห็นว่ารถของคุณกำลังจอดอยู่ ควรมีหมายเลขติดต่อหน่วยกู้ภัย หรือศูนย์บริการรถยนต์ในพื้นที่ ติดไว้ในรถเสมอ เพื่อโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือได้ทันท่วงที
*มีในเฉพาะบางรุ่น เทคโนโลยีเป็นเพียงตัวช่วยในการขับขี่ ไม่ได้มาแทนที่ความสามารถ การตัดสินใจ และความต้องการในการควบคุมยานพาหนะของผู้ขับขี่แต่อย่างใด ระบบอาจไม่ทำงานที่ความเร็วบางระดับ หรือในบางสถานการณ์การขับขี่ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสภาพถนนและสภาพอากาศ